วันพุธที่ 6 กรกฎาคม พ.ศ. 2554

เส้นทางบนถนนสายพลศึกษา

            สวัสดีอาจารย์และเพื่อนๆพี่ๆชาวปริญญาโท สาขาการจัดการเรียนพลศึกษา ดิฉันชื่อดาลัทธิ์ การสมสิษฐ์ เจ้าของบล็อคนี้ ก่อนอื่นดิฉันขอพุดถึงเส้นทางบนสายพลศึกษา ซึ่งเป็นถนนสายอาชีพของดิฉัน และเป็นสายอาชีพที่ทำให้ฉันได้เป็นคุณครูดาลัทธิ์ การสมสิษฐ์ ในปัจจุบัน
             ดิฉันอยากจะเล่าถึงเรื่องราวก่อนจะเป็นนักพลศึกษาให้อาจารย์และเพื่อนๆชาวปริญญาโทได้อ่าน และสิ่งๆนี้เป็นสิ่งที่ทำให้ใครหลายๆคน ได้รู้จัก ดาลัทธิ์
             ด้วยความที่ดิฉันเป็นลูกสาวคนเดียวของพ่อและแม่ ท่านจึงส่งดิฉันให้เรียนโรงเรียนที่ดีตั้งแต่อนุบาล เข้าเรียนในโรงเรียนเอกชน เป็นโรงเรียนในเครือซาเลเซียน ดิฉันได้เข้ารับการศึกษาในโรงเรียนแห่งนี้ ซึ่งอยู่ในอำเภอบ้านโป่ง จังหวัดราชบุรี ตั้งแต่อนุบาล1-มัธยมศึกษาปีที่1 ตลอดระยะเวลาที่ดิฉันได้อยู่ในโรงเรียนแห่งนี้ รู้ตัวเองมาตลอดว่าตัวเองเป็นคนที่เรียนไม่เก่ง ไม่ชอบการเรียนวิชาสามัญ ไม่ชอบการเรียนวิชาการ ดิฉันเรียนไม่เก่ง มักจะโดนครูผู้สอนจับแยกมานั่งข้างหน้าสุดบ้าง จับนั่งกับเพื่อนที่เรียนดีบ้าง เพื่อให้เพื่อนที่เรียนดีคอยดูคอยช่วยเหลือให้ผ่านๆ ผลการเรียนของดิฉันเป็นที่รองสุดท้ายเกือบทุกปี พ่อกับแม่หนักใจเป็นอย่างมาก พ่อกับแม่ไม่เคยที่จะพูดเรื่องของลูกให้เพื่อนๆพ่อกับแม่ฟังเลย ลูกของตัวเองเรียนไม่เก่ง ไม่มีอะไรที่น่าเล่าหรือโม้ได้เลย
              เมื่อดิฉันอยู่ป.4 มีการแข่งขันกีฬาสีภายใน ไม่ทราบเหมือนกันว่าอะไรดลจิตดลใจให้ดิฉันลงสมัครเป็นนักวิ่งประจำสี  ปรากฎว่า ลงวิ่ง100เมตรปีแรก ก็ได้เหรียญทอง รู้สึกเหมือนฝัน ดีใจมากๆ ตกเย็น เมื่อกลับมาถึงบ้านรีบโชว์เหรียญทองและเกียรติบัตรให้พ่อกับแม่ดู และสิ่งนี้คือเรื่องที่ทำให้แม่ประทับใจเป็นหนแรกในรอบหลายๆปี หลังจากที่ดิฉันได้เหรียญทอง กลายเป็นคนดังประจำสี หลังจากนั้นในปีเดียวกันครูพละที่โรงเรียนได้ตามให้ดิฉันไปลงสมัครกีฬาภายในอำเภอ ดิฉันกำลังจะกลายเป็นตัวแทนของชาวอำเภอบ้านโป่ง ดิฉันจึงตอบตกลงที่จะลงแข่ง กลับบ้านมาบอกพ่อกับแม่ทันทีว่าครูพละตามตัวหนูให้เป็นนักกีฬาเลยนะ สงสัยคงเป็นเพราะวิ่งกีฬาสีได้เหรียญทอง พ่อกับแมาดีใจมาก ตื่นเต้นมาก ดิฉันเริ่มรู้สึกภูมิใจในตัวเองที่ได้เห็นรอยยิ้มของพ่อแม่ พ่อกับแม่แลดูมีความหวังในตัวลูกสาวคนเดียว พร้อมกับให้การสนับสนุน ไปหาซื้อชุดแข่งขันให้ เมื่อถึงวันแข่ง ดิฉันได้ลงวิ่งในระยะ50เมตร และ100เมตร การแข่งขันวันแรกของดิฉันคือวิ่ง50เมตร ผลการแข่งขันคือได้เหรียญเงิน รู้สึกเสียใจที่ทำไมไม่ได้เหรียญทอง คิดว่าพรุ่งนี้ทำใหม่ ยังเหลืออีก1รายการ ต้องเอาเหรียญทองมาให้ได้ เย็นวันนั้นกลับบ้านเอาเหรียญมาโชว์พ่อกับแม่ ท่านดีใจที่สุด ดิฉันจำน้ำเสียงและหน้าตาได้ดี ฉันมีแรงที่จะสู้ต่อไปในวันพรุ่งนี้ เช้าวันต่อมาดิฉันลงวิ่ง100เมตร ผลการแข่งขันคือดิฉันได้แค่เหรียญทองแดง เสียใจ แต่ก็ดีกว่าไม่ได้อะไรเลย และก็มีพ่อกับแม่คอยปลอบและให้กำลังอยู่เสมอ 
                     เมื่อระยะเวลาผ่านไป.....เรื่องการเรียนของดาลัทธิ์ ก็ย่ำอยู่กับที่ และเหมือนๆเดิม
                 ดิฉันจึงต้องคิดแล้ว ว่าจะอยู่โรงเรียนนี้ต่อไปไหมหรือจะย้ายออกไปอยู่โรงเรียนรัฐบาล

                  ด้วยความที่พ่อกับแม่ของดิฉันเป็นชาวอำเภอท่าเรือ จังหวัดอยุธยา เมื่อดิฉันอายุได้1ปี ได้ย้ายครอบครัวมาอยู่ที่อำเภอบ้านโป่ง จังหวัดราชบุรี แต่ว่าบ้านที่อยุธยายังมีป้าและยายอยู่ที่นั่น ทุกเทศกาลที่สำคัญครอบครัวของดิฉันจะต้องไปหายายที่อยุธยาและทุกๆครั้งที่ไปจะต้องผ่าน"โรงเรียนกีฬาจังหวัดสุพรรณบุรี" เมื่อดิฉันกำลังศึกษาอยู่ชั้นม.1 ดิฉันได้ปรึกษาพ่อกับแม่ว่าอยากเข้าโรงเรียนกีฬา อยากเป็นนักกีฬากรีฑา100เมตร แม่จึงให้การสนับสนุน ไหนๆลูกเรียนไม่เก่งแล้วก็ให้เด่นด้านกีฬาไป ดิฉันจึงตัดสินใจอย่างแน่วแน่ ฉันต้องสอบได้ ฉันต้องทำให้พ่อกับภูมิใจให้ได้ ฉันต้องผ่านการสอบข้อเขียน ผ่านการทดสอบการวิ่ง100เมตร ผ่านการทดสอบสมรรถภาพ สุดท้ายคือผ่านการตรวจร่างกาย ผลปรากฏว่า ดิฉันทำได้ ดิฉันสามารถสอบเข้าโรงเรียนกีฬาจังหวัดสุพรรณบุรี เป็นโรงเรียนกีฬาแห่งแรกของประเทศไทย พ่อแม่เป็นปลื้ม ฉันสามารถลบคำดูถูกของใครหลายๆคนได้ "ฉันสอบผ่าน" นี่คือการเริ่มต้นบนถนนพลศึกษาของดิฉัน
                ตลอดระยะเวลา5ปีในรั้งโรงเรียนกีฬาสุพรรณฯ เป็นการอยู่โรงเรียนประจำ นานๆทีจะได้กลับบ้าน เพราะต้องเก็บตัวแข่งกีฬาตลอดปี โรงเรียนกีฬาสุพรรณ ได้ให้อะไรฉันหลายๆอย่าง จากที่ไม่ชอบอ่านหนังสือสอบ เห็นเพื่อนอ่านหนังสือสอบกัน ทำไมตัวเองถึงไม่อ่าน ยังไงต้องอ่าน อายเพื่อนอายพี่อายน้อง จากที่ไม่เคยทำงานบ้านเป็น ไม่เคยซักผ้าเอง เมื่อเข้ามาอยู่ในรั้วแห่งนี้ กลับต้องทำเองทุกๆอย่าง เพราะถ้าไม่ทำจะโดนทำโทษ ถ้าไม่ทำใครจะทำให้ ดิฉันยอมรับว่าใช้เวลาในการปรับตัวเป็นปี คนอย่างฉันเปลี่ยนไป กลับบ้านมา ทำงานบ้านให้แม่ ซักผ้าให้แม่ แบบว่าเปลี่ยนไปจากหลังมือเป็นหน้ามือ โรงเรียนแห่งนี้ให้ในทุกๆอย่าง ให้การศึกษา จากที่ได้เกือบสุดท้าย เมื่อมาอยู่ที่แห่งนี้ ทำให้รู้จักปรับตัว มีตัวอย่างที่ดีให้เห็น รู้จักอ่านหนังสือสอบ ทำให้ได้ที่ต้นๆของห้องเสมอ กลับมาคิดมองย้อนถึงเมื่อก่อน เราเองก็ทำได้ แต่ทำไมไม่ทำ โรงเรียนแห่งนี้ให้ชื่อเสียงกับดิฉัน ฉันได้มีโอกาสไปแข่งตลอดและเสมอได้เหรียญและเกียรติบัติมากมาย ดิฉันยอมรับว่าไม่ใช่คนเก่งมากมาย แต่เมื่อตอนที่ยังเรียนในรั้วกีฬาสุพรรณ ดิฉันก็ไม่รองใคร ตลอดเวลา5ปี คือความสุขที่ปนความทุกข์ ความทุกข์ที่ว่า เหนื่อย โหด คิดถึงบ้าน คิดถึงแม่เหลือเกิน แต่สิ่งที่ได้ตอบแทนกลับมานั่นแหละคือความสุขของฉัน
                   เมื่อดิฉันขึ้นม.6 ก็ต้องมองหาที่เรียน มองดูตัวเองว่าอยากเป็นอะไร เรียนอะไรได้ จึงเลือกสอบตรง"คณะพลศึกษา เอกพลศึกษา มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ" และนี่คือถนนสายใหญ่ที่ดิฉันเลือ
ตลอดระยะเวลา4ปีในรั้ว มศว การเป็นลูกพ่อพลบดี ดิฉันได้เจอเพื่อนๆที่น่ารัก มีคณาจารย์ที่ให้ความรู้ เข้าใจนิสิตตัวเอง  ดิฉันไม่เสียใจที่ได้เข้าเรียนในระดับอุดมศึกษารั้วเทาแดง ฉันรู้แล้ว ว่าทางเดินของฉันคืออะไร คือการเป็นนักพลศึกษา การที่ได้เป็นครูพลศึกษา เมื่อฉันจบ4ปี จึงเรียนต่อใบประกาศนียบัตรวิชาชีพครูต่อ เมื่อจบ1ปี ดิฉันจึงเลือกที่จะเรียนในระดับมหาบัณฑิตในรั้ว มศว อีกครั้ง
                มาถึงวันนี้ ดิฉันขอบอกได้อย่างเต็มปาก ว่าดิฉันรักอาชีพพลศึกษา รักในสายวิชาชีพนี้ รักในพ่อพลบดี รักในการเป็นศิษย์หม่อมหลวงปิ่น รักในเลือดสีเทาแดง ที่ที่ให้ทางเดินที่ยิ่งใหญ่กับดิฉัน

1 ความคิดเห็น:

  1. เขียนได้ดีค่ะ อาจารย์อยากให้ผู้เขียนสอดแทรกความรู้สึก/ความคิดเห็นอย่างนี้แหล่ะค่ะ ในบทความต่อๆ ไป จะได้มีความเป็นเอกลักษณ์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าเนื้อหาในบทความของเราเอามาจากที่อื่น ไม่ได้เขียนเองทั้งหมด

    ตอบลบ